
เมื่อการทำงานแบบ New Normal ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จนทำให้หลายคนไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานแบบใหม่ได้ จนทำให้เกิดความเครียด หรือชีวิตไม่มี Work-Life Balance จนส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทั้งทำงานช้า หรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ในบทความนี้เราจึงอยากจะแนะนำ การใช้ 7 วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อที่จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นอกจากสวัสดิการสำหรับพนักงานที่นับว่าเป็นแรงผลักดันจากทางองค์กรแล้ว เรายังจำเป็นต้องอาศัยการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับตัวเอง เพื่อให้มีทักษะในการทำงานที่ดี และสามารถเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้เร็วขึ้น วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานง่ายๆ ปรับวันละนิด ชีวิตการทำงานก็เปลี่ยน จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย!
1. จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็น
การรู้จักวางแผนและจัดสรรเวลาในการทำงานมีส่วนช่วยให้งานที่ได้รับมอบหมายนั้นเสร็จลุลวงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างราบรื่น แต่ก่อนอื่นจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของงานก่อน เพื่อที่จะได้จัดระเบียบการทำงานได้อย่างถูกต้อง ว่างานชิ้นใดควรเริ่มต้นทำก่อน-หลัง เพื่อให้งานทุกชิ้นเสร็จทันตามเวลาที่กำหนดและออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะไม่ต้องออกไปสื่อสารกับใครแต่การมีสมุดโน๊ต หรือคอยจดโน๊ตเอาไว้จะช่วยให้งานของเราไม่หลุด สื่อสารและตอบคำถามต่างๆ ได้อย่างตรงจุด และเป็นการฝึกจดโน๊ตไปในตัวเก็บไว้เป็น Soft Skill ให้เราในอนาคตได้อีกด้วย
2. วางแผนก่อนทำงานทุกครั้ง
การวางแผนการทำงานจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีระบบและเป็นระเบียบ เพราะคุณจะรู้ว่างานที่ต้องทำทั้งหมดนั้นมีอะไรบ้างและงานแต่ละชิ้นมีกำหนดส่งวันไหน เพื่อที่จะได้จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้นได้ถูกว่าควรเริ่มต้นที่งานใด นอกจากนี้การวางแผนการทำงาน ยังช่วยให้ทำงานเสร็จได้รวดเร็วอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ทุกคนควรทำก่อนเริ่มต้นทำงาน
3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
หลังจากวางแผนในการทำงานเรียบร้อยแล้ว การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเป็นอีกหนึ่งวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ โดยการกำหนดเป้าหมายการทำงานแต่ละวัน ว่าในวันนี้จะทำงานชิ้นใดบ้าง จะทำทั้งหมดกี่ชิ้น แล้วบริหารจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้แล้ว
4. โฟกัสกับการทำงานในช่วง Deep Work ให้ได้มากที่สุด
การทำงานแบบ Deep Work เป็นแนวคิดการทำงานที่เสนอโดย คาล นิวพอร์ต เป็นการทำงานที่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานเป็นอย่างมาก หรือจมลึกลงไปอยู่ในโลกของงานชิ้นนั้นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเร้า หรือสิ่งรบกวนใดๆ ก็ขัดขวางการทำงานไม่ได้ ซึ่งการทำงานแบบ Deep Work มีหลักการง่ายๆ ดังนี้
- ตั้งเป้าหมาย โดยการกำหนดว่าในหนึ่งวันจะมีการทำงานแบบ Deep Work นั้นกี่นาที เพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นหลุดโฟกัส แล้วตั้งใจทำงานนั้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
- อดทน ไม่หลุดโฟกัส เมื่อจิตใจไม่จดจ่ออยู่กับงาน หรือวอกแวกไปกับสิ่งเร้าต่างๆ ก็จะทำให้หลุดจากการทำงานแบบ Deep Work ได้ ซึ่งการปิดเสียงแจ้งเตือนเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้มีสมาธิกับงานมากขึ้น นอกจากนั้นยังต้องอดทนกับความเบื่อให้ได้ เพื่อไม่ให้หลุดโฟกัสไปเสียก่อน
- อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งการทำงานในพื้นที่ของตนเองที่มีการออกแบบไว้สำหรับการทำงาน ช่วยลดการถูกรบกวนจากสิ่งรอบข้าง และช่วยให้มีสมาธิและทำงานได้นานขึ้น
ดังนั้น การทำงานแบบ Deep Work ไม่เพียงแต่ทำให้มีสมาธิกับการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้มีวินัยในการทำงานอีกด้วย
5. หาเวลาพักผ่อน
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คือ การหาเวลาพักผ่อนให้กับตัวเอง เพราะถ้าหากทำงานจนเกินพอดีจนทำให้สมองล้า หรือใช้สมองทำงานหนักเป็นระยะเวลานาน สามารถส่งผลให้งานที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ แถมยังทำงานได้ไม่ได้เต็มที่อีกด้วย ดังนั้น การพักในช่วงระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นการพักจิบกาแฟ ดื่มน้ำเปล่า หรือเดินออกไปสูดอากาศ เพียงเท่านี้ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่น พร้อมกลับมาลุยงานต่อได้แล้ว
6. เรียนรู้และพัฒนาทุกครั้งที่เกิดข้อผิดพลาด
ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่ แต่เมื่อผิดพลาดไปแล้ว ก็ควรเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่ได้เกิดขึ้น โดยมองหาสาเหตุของปัญหาว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร และมีวิธีใดบ้างที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้ไม่ทำผิดในเรื่องเดิมอีก ดังนั้น การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาในครั้งหน้าได้แล้ว ยังช่วยให้มีพัฒนาการในเรื่องนั้นๆ แถมยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย
7. ให้รางวัลตนเอง
การทำงานเหนื่อยมาตลอดทั้งปี การให้รางวัลตัวเองจะช่วยให้มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นและถือว่าเป็นรางวัลชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะถึงเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งการให้รางวัลตัวเองไม่จำเป็นต้องเป็นของชิ้นใหญ่ หรือราคาแพง แต่อาจจะเป็นของอร่อยๆ สักมื้อ หรือการได้หยุดพักสักวันเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ดังนั้น การได้ให้รางวัลตัวเองก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้พักและช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น แถมยังเป็นอีกหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้พร้อมกลับมาลุยงานต่ออย่างมีประสิทธิภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เทคนิคที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน Time Management : Special EP. Time Management
Cr. 12 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ตอบโจทย์การทำงานของคนยุคใหม่